Exclusive interview
นิว-ฐิติภูมิ ปณิธานความรัก เน้นความเข้าใจไม่หวานเจี๊ยบ!!
ชีวิตเพื่อการแสดง อยากเป็นส่วนหนึ่งพัฒนาวงการบันเทิงไทย
จัดเป็นภาพยนตร์ที่ยังฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ ที่เป็นกระแสและถูกกล่าวถึงไม่น้อยสำหรับ “Endpresso ปณิธานหวานน้อย” “หนังรักของคนที่ไม่อยากมีความรัก” ภาพยนตร์เรื่องแรกของ โบว์-กัญธนัช กิตติถิรธรรม ผู้อำนวยการสร้างคนสวยจาก ค่ายดราก้อน ฟิล์ม ที่ได้ เสนาเพชร-พุฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร รับหน้าที่กำกับการแสดง แล้วได้พระเอกหนุ่มหน้าใสมาแรง อัธยาศัยดี “นิว-ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ” มารับบท “เบนซ์” พระเอกของเรื่อง ซึ่งเป็นการรับแสดงภาพยนตร์เรื่องที่สอง แน่นอนว่ามันต้องมีเหตุผล!! ส่วนคำตอบคืออะไรนั้นเรามีมาฝากกัน พร้อมอีกหลายๆเรื่องราวที่จะทำให้คุณรู้จักพระเอกหนุ่มคนนี้มากขึ้นจากบทสัมภาษณ์พิเศษนี้
ฟีดแบ็คคนดูภาพยนตร์เรื่อง “Endpresso ปณิธานหวานน้อย” เป็นอย่างไรบ้าง ?
“คนดูก็ชอบนะครับ บอกว่า ดูแล้วใจฟู เพราะมันเป็นหนังที่เกี่ยวกับความรัก ตามคอนเซ็ปต์ คือหนังสำหรับคนที่ไม่อยากมีความรักครับ ก็แหวกแนวดีเพราะว่าปกติหนังรักจะเป็นโรแมนติกกุ๊กกิ๊ก แต่เรื่องนี้พูดตรงๆอาจจะไม่ได้มีซีนน่ารักกุ๊กกิ๊กของพระเอกนางเอกกันมาก มันจะเป็นฟีลแบบตามหาความหมายของคำว่ารักมากกว่าว่ามันคืออะไร หลายคนที่ออกมารีวิวเขาก็บอกว่า ดูง่ายดูเพลิน ระหว่างทางก็มีมุขตลกด้วย และมีการสอนเกี่ยวกับเรื่องของความรักมาเรื่อยๆ บางคนก็ชมว่าภาพสวย เรื่องของการเล่าเรื่องเกี่ยวกับความรักก็ดูไม่ได้จิ้นกันจนเกินไป ภาพรวมดูเป็นบวกซะส่วนมากนะครับ”
เหตุผลที่รับเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ ?
“ตอนแรก นิว ดูแค่เรื่องย่อแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรเลย (หัวเราะ) ก็เป็นเรื่องที่ผู้หญิงหนีไป ผู้ชายตามง้อจบ เรื่องย่อคือมีแค่นั้น แต่พอพี่ๆ ทีมงานรวมทั้งผู้กำกับฯ โปรดิวเซอร์ เรียกเราไปคุย พอเขาเล่าให้ฟังถึงเรื่องคอนเซ็ปต์ ที่บอกว่าเป็นหนังรักสำหรับคนที่ไม่อยากมีความรัก พอ นิว ฟังก็รู้สึกว่ามันเจ๋งดีนะ มันดูมีอะไร เพราะว่าปกติตามง้อกันเดี๋ยวก็สมหวังแล้วก็จบ แต่ว่าเรื่องนี้มันบอกอีกมุมมองนึงสำหรับผู้หญิงคนนึงที่ไม่อยากมีความรัก เขาไม่ได้รู้ว่าความรักคืออะไร เขาแค่คิดว่าทุกวันนี้อยู่ในสังคมที่เร่งรีบ ทำงานเป็นเวิร์คกิ้งวูแมน ชีวิตมันก็เติมเต็มไปแล้ว อาจจะไม่ได้อยากมีความรัก ก็เลยรู้สึกว่าเป็นอีกมุมที่น่าสนใจ”
ทำการบ้านกับบทอย่างไรบ้าง ?
“จริงๆ แล้วตัวของ นิว ที่เล่นในภาพยนตร์เรื่องนี้ ตัวละครเบนซ์เป็นตัวละครที่ค่อนข้างตรงกับนิสัย นิว อยู่แล้วครับ คือ เบนซ์เป็นคนที่ค่อนข้างจะดูแลเอาใจใส่คนที่เขารัก ในหนังก็จะเห็นอยู่มุมเดียวครับ คือมุมที่เขาเป็นห่วงแฟนเขา อยากดูแลอยากเอาใจใส่ ค่อนข้างจะใกล้กันก็เลยไม่ได้ทำการบ้านอะไรมาก แต่จะทำการบ้านในเรื่องของบท แล้วก็คุยกับผู้กำกับมากกว่าว่า เขาอยากได้ภาพแบบไหน ไม่เคยดีไซน์การแสดงเลยครับ แค่รู้สึกว่าเราทำไปตามตัวละครว่าเขาเป็นคนนิสัยแบบไหน ความต้องการในซีนนั้นมันคืออะไร แล้วเล่นเป็นตัวเบนซ์ไปครับ”
มีอะไรที่ยากบ้างไหม ?
“ความที่บทเรื่องนี้เป็นแบบใสๆ ไม่ได้มีซีนดราม่า ซีนบู๊ก็มีนิดหน่อย ส่วนมากจะเป็นซีนใสๆ เลยรู้สึกว่าไม่มีจุดไหนที่ยากนะ ความยากลำบากของเรื่องผมว่าจะเป็นการถ่ายทำมากกว่าครับ เพราะว่าเราไปถ่ายทำกันที่เชียงราย 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งด้วยคิวที่นักแสดงหลายคนมีชื่อเสียง อาทิ พี่บุ๊คโก๊ะ , พี่คิมม่อน , พี่ซานิ , พี่น้ำตาล คือแต่ละคนคิวทองหมดเลย แล้วมาชนกับคิวของเราอีก กว่าจะลงตัวกันมันก็ยาก นิว ว่าเรื่องคิวน่าจะเป็นความยากของการถ่ายทำเรื่องนี้ (หัวเราะ) อีกทั้งตอนเราถ่ายทำที่เชียงรายตอนนั้นเหมือนเริ่มๆจะมีฝนตกแล้ว ก็เลยเจอฝนตกไม่หยุดเลยติดต่อกัน 2-3 วัน ทำให้ต้องมีการปรับแผนการถ่ายทำไปตามสถานการณ์ด้วย เพราะมันจะต้องเป็นการถ่ายทำแบบรวดเดียวจบ”
กับนักแสดงร่วมเหมือนจะอยู่ในวัยเดียวกัน ?
“ใช่ครับวัยรุ่น (หัวเราะ) แล้วพี่เสนาเพชร (พุฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร) เขาก็เป็นคนที่สนุกสนานเฮฮา คุยติดตลกทุกอย่างอยู่แล้ว พี่คิมม่อน ก็พูดเก่ง ช่วงแรกไม่ค่อยได้คุยกัน แต่จะได้มาคุยกันหลังๆ ที่ไปเดินสายพบสื่อ ซึ่งพี่เขาเป็นคนพูดเก่ง จัดรายการวิทยุด้วย ส่วนใหญ่คนที่จัดรายการวิทยุต้องพูดคนเดียว ก็ไม่แปลกใจที่พี่คิมม่อน พูดเก่ง จะชวนเราคุยตลอด”
กับ “เมเบิ้ล-สิริวลี สิริวิบูลย์” นางเอก การร่วมงานกันเป็นอย่างไรบ้าง ?
“น้องเมเบิ้ล เป็นนางเอกใหม่ แต่ว่าน้องมีอะไรที่เป็นพิเศษอยู่ ถึงจะไม่เคยมีประสบการณ์ในการถ่ายแสดงมาก่อน แต่ว่าเขาเป็นคนที่มีความเป็นธรรมชาติสูง ซึ่งมันเป็นจุดเด่นของเด็กสมัยนี้ที่ นิว ว่าโตมาแบบธรรมชาติ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่มีบล็อกอะไรบางอย่างในการแสดงที่ทำให้คนเล่นออกมาเป็นแบบเดียวกันหมด แต่ว่า น้องมีความเป็นธรรมชาติที่รู้สึกว่าดีเลยครับ เพราะจริงๆ มันควรจะต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ในตอนทำงาน ผมก็มีแนะนำเรื่องการอยู่ในกอง อยู่ยังไง หรือว่ามีเวลาว่างก็ไปพักหน่อยนะ เพราะว่าเวลาว่างน้องชอบไม่พัก จะมานั่งรอ เลยบอกว่าให้ไปนอนพักเถอะ เพราะเวลาถ่ายทำเราต้องใช้เอเนอร์จี้เยอะ ถ่ายติดๆ กันทั้งวัน ก็จะแนะนำน้องตรงนั้นมากกว่า แต่การแสดงเขาโอเคแล้วครับ เพราะว่าเขาเป็นเด็กของ พี่ใหม่ ดาวิกา พี่ใหม่ก็คงสอนอะไรมาเยอะแล้วล่ะ เกี่ยวกับเรื่องของการแสดง เพราะพี่เขาตัวแม่อยู่แล้ว”
ปณิธานความรักของ นิว หวานมากหรือหวานน้อย ?
“หวานกลางๆ ครับ ประมาณห้าสิบไม่ได้หวานมากไปหรือว่าไม่ได้ศูนย์เลย คือไม่ได้ไม่มีเลย ก็มีบ้างแต่ไม่ได้มีบ่อยมาก และก็มีติดสกินชิปเหมือนกันเพราะว่าเป็นคนที่ขี้อ้อน ก็เลยรู้สึกว่าอยากจะทิ้งตัวอยู่ตลอดเวลา”
มุมมองเรื่องความรักของ นิว ?
“นิว ว่าเรื่องพวกรูปลักษณ์ภายนอกมันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่เรามองเห็นว่าเราชอบหรือไม่ชอบ แต่ว่าสุดท้ายแล้วหลักๆ ของการที่เราจะเป็นคู่รักกันหรือว่าอยู่ด้วยกัน มันต้องอยู่ที่ความเข้าใจกันมากกว่า สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง คุยแล้วไม่ตีกันครับ (หัวเราะ) หมายถึงว่าคุยแล้วเข้าใจกัน แล้วถ้ามีเรื่องไม่เข้าใจกันก็มาพูดคุยปรับจูนกัน สรุปความรักของ นิว มันคือความเข้าใจกันมากกว่า เข้าใจทั้งตัวตนเขาและตัวตนเรา รู้ว่าคนที่เรารักเขาต้องการอะไร และเขามีข้อจำกัดอะไรบ้าง มันคือการยอมรับซึ่งกันและกัน เหมือนตัวเราเองมีข้อจำกัดอะไรบ้าง หรือตัวเขามีข้อจำกัดอะไรบ้างที่จะต้องให้เรารับได้ ถ้าเกิดรับกันได้ทั้งคู่มันก็จะจูนกันไปได้ครับ”
มองตัวละครตัวเบนซ์ ว่าเป็นอย่างไร ?
“เขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะดูแลเอาใจใส่คนอื่น เป็นตัวละครที่มีความมุ่งมั่นสูงเรื่องความรัก คือเขาน่าจะเกิน นิว ไปอีก เบนซ์ น่าจะเป็นประมาณความหวานร้อยเปอร์เซ็นต์ เลยจะดูแลเอาใจใส่ผู้หญิงที่เขารักมากๆ ไปไหนก็จะคอยติดตามดูแล ครับ”
ระหว่างละครกับภาพยนตร์ชอบอะไรมากกว่า ?
“นิว รู้สึกว่ามันก็เหมือนกันนะครับ แต่แค่วิธีการเล่าเรื่องมันต่างกัน ภาพยนตร์อาจจะเล่าเรื่องแบบกระโดดเร็วๆ หน่อย เพราะว่ามีเวลาแค่ชั่วโมงครึ่ง หรือว่า 90 นาที แต่ว่า ซีรีส์กับละคร มันจะยาวหน่อย คือมีเวลาเล่าเรื่องที่ยาวกว่า แต่การถ่ายทำวิธีการอาจจะมีเล็กน้อยที่แตกต่างกันไป แต่วิธีการเล่น วิธีการอยู่กับทีมงาน นิว ว่าคล้ายๆ กันครับ”
แล้วชอบอะไรมากกว่ากัน ?
“นิว ชอบละครเพราะการถ่ายทำมันใช้เวลานานกว่า 6 เดือน เหมือนครอบครัวใหม่ วันนี้ออกมาทำงานเจอกันอีกแล้ว แต่ภาพยนตร์ใช้เวลาถ่ายทำแค่ 2 เดือน แป๊บเดียวจบ เริ่มจะสนิทแต่ก็ต้องแยกย้ายกันแล้ว ส่วนวิธีการทำงานคิดว่าคล้ายกันครับ”
มีบทบาทที่อยากจะเล่นมั้ย ?
“อยากเล่นบทบู๊ครับ คือรู้ว่าเหนื่อยนะ แต่ว่าอยากเล่น เพราะว่ายังไม่เคยเล่น บู๊กระโดดตีลังกากระโดดเตะ อยากลองเล่นมาก แม้จะรู้สึกว่าเราไม่ได้มาทางนี้หรอก แต่รู้สึกว่าอยากจะลองเล่น น่าจะสนุก ก็รู้นะว่าน่าจะเหนื่อย แต่ก็อยากจะลองสักครั้ง เพราะว่าถ้าอายุเยอะแล้วเราอาจจะเล่นไม่ไหว (หัวเราะ) พวกศิลปะการต่อสู้ การป้องกันตัวอะไรก็ไม่เป็น คือถ้าวันไหนต้องเล่นบทบู๊ นิว ก็คงต้องไปเรียนล่ะครับ”
ผลงานจากที่เล่นมาจนถึงวันนี้มีความต่างกันไหม ?
“ต่างกันมากเลยครับ คือ เรา โตมากับยุคละครสมัยก่อน นิวไม่ได้เรียนการแสดงมาจนถึงวันนี้ก็ไม่เคยเรียนเลยครับ แต่เราใช้ประสบการณ์เข้ากองในแต่ละวัน เขาก็ด่าบ้างเราก็จำมา แต่ละคนเขาจะมีวิธีการสอนที่แตกต่างกันไป สุดท้ายเราก็มาหาว่ามันคืออะไร...มันก็คือธรรมชาติของคนว่าเป็นยังไง แต่ว่าตอนเด็กๆ เราแค่รู้สึกว่าเขาเล่นแบบนี้เราก็ต้องเล่นแบบนี้ วิธีการเล่นที่เห็นคือมันเป็นแพทเทิร์น มันมีบล็อกบางอย่าง... นิว ไม่ได้ว่านะครับ แต่ว่ายุคก่อนมันเป็นแบบนั้นจริงๆ เราก็เลยคิดว่าอย่างนั้นคือวิธีการแสดง ถ้าไม่ทำอย่างนั้นแล้วจะโดนด่าจะผิดแปลก สุดท้ายพอเราทำแบบนั้น ทุกคนก็ว่า “ว๊าย...ทำอะไร..?” แล้วพอมาดูการแสดงตัวเองก็รู้สึกว่าเออมันเป็นการเล่นละครจริงๆ แต่จริงๆมันไม่ใช่ เพราะทุกวันนี้หลักคือใช้เหตุผล ซีนนี้ต้องการอะไร ตัวละครตัวนี้มีนิสัยยังไง ถ้าเกิดตัวละครตัวนี้เจอสถานการณ์อย่างนี้จะปฏิบัติตัวอย่างไรแค่นั้นเลย สุดท้ายมันคือเบสิกมากๆ ไม่มีอะไรเลย คือ มนุษย์คนนึงที่จะทำยังไงถ้าอยู่ในสถานการณ์นั้น เราจะไปศึกษาเรื่องพวกนี้มากกว่าครับ ส่วนลักษณะนิสัยคนก็จะไปลงลึกพวกอินโทรเวิร์ต และเอ็กซ์โทรเวิร์ต เรื่องของความคิด ที่เป็นพื้นฐานง่ายๆจุดนี้มากกว่าครับ”
เป้าหมายในชีวิตตอนนี้ ?
“เป้าหมายตอนนี้คือนิ่งครับ เพราะตั้งแต่หลังอายุ 27-28 ปี นิว ก็ตั้งไว้ว่าอยากจะเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพแค่นั้น โดยแรก ๆช่วงอายุ 20-25 ปี รู้สึกว่าเรามาทำงานเป็นนักแสดงมาหาเงิน แต่ว่าพอหลังๆ รู้สึกว่าไม่ได้แล้วมันเป็นอาชีพเรา รู้สึกว่าเราต้องพัฒนาตัวเอง อยากให้คนรู้สึกว่าเราเป็นนักแสดงจริงๆ เราเหมาะกับการรับบทแบบนั้นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าพอพูดถึง นิว แล้วรู้สึกว่าเรื่องที่แล้วเรายังเล่นอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าต้องรับบทแบบนี้จะเล่นได้เหรอ... คือ นิว ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นแล้ว แต่อยากให้รู้สึกว่าเราเป็นนักแสดง ที่มีคนพูดว่าคาแรคเตอร์แบบนี้มันเหมาะกับ นิว นะ แบบไม่ต้องกังวลเรื่องการแสดง เป็นนักแสดงที่พึ่งพาได้ นิว อยากเป็นนักแสดงที่ถูกมองแบบนั้น ซึ่งล่าสุดได้รับรางวัลเกี่ยวกับนักแสดงมา นิวรู้สึกว่าเป็นกำลังใจให้เรามาก แสดงว่ามีคนรู้สึกแล้ว นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีครับ”
อยากโกอินเตอร์ไหม ?
“อยากครับ แต่ยังไม่ต้องโกอินเตอร์ไปอยู่เมืองนอกขนาดนั้นก็ได้ ขอเป็นแบบได้ร่วมงานกับพวกแพลตฟอร์มของไทยก็ได้ เราต้องยอมรับว่าโปรดักชั่นต่างประเทศเขาจะใหญ่กว่าของเราอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น Netflix มาทำที่ไทย แต่โปรดักชั่นเขายกระดับไปอีก ค่าผลิตต่อตอนทั้งเรื่องมันสูงกว่าที่เราทำอยู่หลายสิบเท่า มันก็จะได้งานที่ดีกว่า ใจจริง นิว อยากจะพัฒนาวงการบันเทิงไทย แต่ด้วยข้อจำกัดประเทศไทยมันก็มีหลายอย่าง ทั้งๆที่คนไทยก็มีฝีมือกันเยอะนะ แต่ปัจจัยมันก็คือเรื่องเงิน เรื่องการลุงทุน ซึ่งพูดไปมันก็จะวนๆ อยู่ที่จุดเดิมที่เราต้องการได้รับการสนับสนุนหลายอย่าง คือ นิว ไม่รู้ว่าระบบมันเดินไปได้ยังไง เราก็ไม่ได้คนที่เก่งรู้เรื่องอะไรขนาดนั้น แต่แค่รู้ว่าของประเทศอื่น อย่างเช่น เกาหลี เขาดูจะได้รับการสนับสนุนมาก แต่จะด้วยวิธีการอย่างไรและสนับสนุนจากใครอันนี้เราบอกไม่ได้ แต่เราดูจากงานมันรู้สึกว่าทุกวันนี้ของเราก็ยังห่างจากเขาเยอะครับ”
นอกจากงานแสดงมีอะไรอยากทำอะไรอีกไหม ?
“ทุกวันนี้ก็ยังมีเป็นลงทุนอยู่ ส่วนมากจะเป็นการลงทุนในหุ้นครับ ก็มีโดนผลกระทบอยู่บ้าง มันเป็นช่วงเวลาของตลาดด้วย สำหรับ นิว พอร์ตที่เล่นถ้าเป็นหุ้นปั่นที่เป็นตามกระแส ถ้าเจอโดนยังไงเราก็ต้องทำใจให้ได้ แต่ส่วนพวกหุ้นปันผล หุ้นเจริญเติบโต ตรงนี้เรารู้อยู่แล้วว่าเราถือเพราะว่าตั้งใจจะเอาปันผลโตไปกับบริษัท แต่ถ้าวันนึงมีปัญหาขึ้นมา อย่างเช่นเจอโควิด เจออะไรแล้วเขาร่วงลงไป แต่ที่ผ่านมาก็ติดตามดูว่าบริษัทเขาว่ายังทำงานอยู่ไหม ยังมีกำไรเท่าไหร่ ผลกระทบเยอะไหม เราเข้าใจบริษัทพอเกิดอะไรขึ้น ก็ทำให้ไม่ได้ตกใจมากนะ”
แล้วลงทุนทำธุรกิจล่ะ ?
“ที่ผ่านมาลงทุนทำธุรกิจไปหลายอย่างแล้วครับ แล้วพอเราทำอาชีพนักแสดงเวลามันไม่พอ พอเวลาไม่มีมันก็ไม่โอเค เพราะ นิว เป็นคนที่ถ้าไม่ได้ลงมือทำเองก็ไม่อยากให้ใครทำ ผลออกมาก็อย่างที่บอกไม่โอเค มาวันนี้เลยไม่ได้ลงทุนทำธุรกิจอะไรแล้วครับ”
เรียนจบวิศวะมาได้ใช้วิชาตรงนี้หรือยัง ?
“วิชาคืนอาจารย์แทบจะหมดแล้วครับ (หัวเราะ) ทุกวันนี้ก็สนุกกับการทำงานในวงการบันเทิงแล้วครับ ก็อยากจะแนะนำทุกคนว่าให้หาอะไรที่ตัวเองอยากทำกัน แรกๆ ทุกคนก็ต้องอยากได้เงิน แต่สุดท้ายแล้วมันก็ยู่ที่ความชอบ อะไรที่เราไม่ชอบก็อยู่กับมันได้ไม่นาน ซึ่งทุกวันนี้ นิว ชอบการแสดง เลยทำให้สนุกกับมันมาก”
มีวางเวลากับอาชีพในวงการนี้ไหม ?
“ก็ไม่นะ ยังจะรับไปได้เรื่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยเกินไปแล้ว ซึ่งเคยคิดเหมือนกันว่าถ้าเราอายุมาก ๆ อายุสัก 50 แล้วต้องตื่นเช้า ๆไปถ่ายละครอาจจะไม่ไหว (หัวเราะ) แต่มันก็แค่คิดเอาไว้ก่อนเท่านั้น (หัวเราะ) แต่ไงวันนี้เราก็จะทำงานไปเรื่อยๆเพราะยังสนุกอยู่ ซึ่งก็มีโอกาสเข้ามาเรื่อยๆ ด้วยครับ ก็ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือกัน สำหรับผลงานตอนนี้ก็มีถ่ายซีรีส์อยู่ แต่ไม่ใช่แนววายครับ เป็นของโมโน ทุกวันนี้ นิว ยังคงสังกัดอยู่กับทาง GMMTV ที่ผู้ใหญ่เปิดโอกาสให้เราไปเล่นกับที่ไหนก็ได้ แค่ดูว่ามันเหมาะสมกับเราไหม บางที่บทไม่ค่อยโอเคผู้ใหญ่ก็จะช่วยคัดกรองให้ส่วนนึงครับ”
สุดท้ายเหตุผลที่ต้องไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้ ?
“เหตุผลที่ต้องไปดูภาพยนตร์เรื่อง “Endpresso ปณิธานหวานน้อย” นิว ว่ามันคือหนังรักมุมมองใหม่ คือเป็นมุมมองของคนที่ไม่อยากมีความรัก บางคนอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองอยากจะมีความรักหรือว่าไม่อยากมีความรัก ถ้ามาดูเรื่องนี้มันจะสอนอะไรเราได้ จะได้รู้ว่าความรักมันเป็นยังไง ความรักมันมีรูปแบบมีมุมมองอีกมุมนะ งานนี้ใครที่ยังลังเล หรือว่าสงสัยในตัวเองก็ไปดูกันได้ ตอนนี้ยังฉายอยู่ครับ”
|